ก่อนจะมีสยามมกุฎราชกุมารองค์ที่ 4 ย้อนดูการสถาปนา สยามมกุฎราชกุมารองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ก่อนจะมีสยามมกุฎราชกุมารองค์ที่ 4 ย้อนดูการสถาปนา สยามมกุฎราชกุมารองค์ที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กลับไปอ่าน เนื้อในระบอบถนอม  ของธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์

โดย ธนาพล อิ๋วสกุล

ปัญหา “รัชทายาท” เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของรัฐราชสมบัติไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม กล่าวสำหรับสยาม ก่อนหน้านั้นมีเพียงตำแหน่งพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือที่เรียกกันว่า “วังหน้า” ที่เป็นได้ทั้ง น้องชาย ลูกชาย หรือญาติผู้ใหญ่ของกษัตริย์ และได้นำมาสู่การรบราฆ่าฟันกันไม่เพียงแต่บรรดา “แคนดิเดท” เท่านั้น แต่ยังกวาดล้างเครือข่ายต่าง ๆ ของผู้แพ้จนหมดสิ้น จนสร้างความอ่อนแอให้แก่อำนาจรัฐเสมอมา 

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ยกเลิก “วังหน้า” และแทนที่ด้วยตำแหน่ง “สยามมกุฎราชกุมาร” เมื่อปี พ.ศ. 2429  นับจากนั้นเรามี “สยามมกุฎราชกุมาร” 3 พระองค์ประกอบด้วย 

1. เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ (2421-2438) พระราชโอรสที่เกิดกับ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ได้รับการสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมารเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2430 ขณะที่มีพระชนมายุ 9 พรรษา แต่เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศก็สวรรคตเสียก่อนในวันที่ 4 มกราคม 2438

2. เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (2424-2468) พระราชโอรสที่เกิดกับ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้รับการสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมารองค์ต่อมา ในปี 2438 เมื่อมีพระชนมายุ 14 พรรษา และครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตในปี 2453 

3. เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ (2495-) พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กับสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ สถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 และได้ขึ้นครองราชย์เป็น พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559

ถึงแม้จะเป็น “สยามมกุฎราชกุมาร” เหมือนกับ 2 พระองค์แรกแต่ระบอบการปกครองแตกต่างกัน กล่าวคือในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้น อำนาจเด็ดขาดอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่หลังการปฏิวัติสยามนั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด การที่จะทำหรือไม่ทำอะไรต้องอ้างอิงรัฐธรรมนูญ

แต่เส้นทางการเมืองไทยนั้นไม่ได้เป็นเส้นตรง เพราะมีการรัฐประหารและเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจบ่อยครั้ง 

ในหนังสือ เนื้อในระบอบถนอม : ความสืบเนื่องและเสื่อมถอยของเผด็จการทหาร พ.ศ. 2506–2516 ของธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ได้ฉายภาพการยื้อยุดอำนาจกันอย่างน่าสนใจ 

ขณะที่คณะรัฐประหารก็พยายามยื้อเวลาในการประกาศใช้รัฐธรรมนูญให้นานที่สุด แต่ความตั้งใจของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นต้องการสถาปนาเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ ให้ดำรงตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมารเมื่อ “บรรลุนิติภาวะ” คือมีอายุครบ 20 พรรษา ในปี  2515 

แต่ปัญหาก็คือในเวลานั้น ยังอยู่ใน “สมัยปฏิวัติ” อันเนื่องจากเป็นการรัฐประหารตัวเองของจอมพลถนอม กิตติขจร ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2514  ถนอมปกครองในฐานะ “สมบูรณาญาสิทธิ์” ที่ไม่มีแม้กระทั่ง รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว  การออกกฎหมายไม่ต้องใช้เป็นพระราชบัญญัติหากออกเป็นประกาศของคณะปฏิวัติโดยไม่ต้องมีพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์  ตลอดระยะเวลา 13 เดือนมีประกาศคณะปฏิวัติ 361 ฉบับ ยังไม่รวมพระราชกฤษฎีกาคำสั่งและประกาศของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ก็อยู่ในรูปของคำสั่งหัวหน้าคณะปฏิวัติ และคำสั่งกองบัญชาการปฏิวัติ แน่นอนรวมทั้งการสั่งประหารชีวิตบุคคลรวม 37 คน และจำคุกอีก 60 คน

(ขณะที่การรัฐประหารของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในวันที่ 20 ตุลาคม 2500 ใช้เวลาเพียง 110 วันก็ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2502)

ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญ การสถาปนาสยามมกุฎราชกุมารต้องแต่งตั้งโดยหัวหน้าคณะปฏิวัติในฐานะ “องค์อธิปัตย์” ในเวลานั้น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็กดดันสำเร็จจนกลายมาเป็น “ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515” ประกาศใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2515  

ทั้งหมดจึงนำมาสู่การพระราชพิธีสถาปนาสยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 25 ธันวาคม 2515 ซึ่งรายละเอียดได้ปรากฏในหนังสือเล่มนี้

ถึงแม้ในหลวงรัชกาลที่ 10 จะมีทายาท 7 คน แต่ในรัชสมัยนี้มีเจ้าฟ้าอยู่ 3 พระองค์ ประกอบด้วย

สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา (2521)

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา (2530)

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ (2548)

ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 20 การสืบราชสมบัติให้เป็นไปโดยนัยแห่งกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467  ซึ่งหมายความว่าผู้ที่จะเป็นกษัตริย์ต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น ก็เท่ากับว่ามีเพียง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ที่จะมีพระชนมายุครบ 20 พรรษาในปีนี้ ที่จะได้รับการสถาปนาเป็นสยามมกุฎราชกุมาร

แต่ทั้งหมดของกฎมณเฑียรบาลนั้นแก้ไขได้โดยพระราชอำนาจของในหลวงองค์ปัจจุบัน

เราอาจจะต้องมาดูกันว่าในปีนี้จะมีสยามมกุฎราชกุมารองค์ที่ 4 แห่งรัตนโกสินทร์หรือไม่

และจะเป็นใคร